มูลเมียเอ็งตายแล้ว”พูด'จบนางก็ร้องไห้ครั้าครวญอย่างน่าสงสาร ดำปันยืนนิ่งเป็นรูปปัน ร่างกายชาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง ตรงไปที่บ้านพบว่า บรีเวณ กลางบ้านมีโลงศพโลงหนึ่งตั้งเด่นอยู่กลางบ้าน เขารีบผวาเข้าไปดูทันที ทันทีที่เขาเห็นร่างที่นอนอยู่ในโลงศพ เรือยางราคาถูก หัวใจของดำปันแทบสลาย ร่างกายไร้ เรียวแรง จนต้องกระแทกนั่งลงกับพื้น เพราะร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่ในโลงศพ คือ ร่างของทองมูลเมียรัก ร่างของทองมูลนอนสงบนิ่งอยู่ภายในโลงศพ มือทั้งสอง ข้างถูกมัดสนิทตรึงไว้ด้วยตราลังพนมอยู่ระหว่างอกใบหน้ายังคงล่อเค้าอิ่มเอิบ ดวงตาปิดสนิทเหมือนคนนอนหลับ ดำปันล่งเสียงครั้าครวญอย่างน่าสงสาร พูดพรํ่า “ไม่จรง! ไม่จริง! ทองมูลยังไม่ตาย ฮือ ฮือ” เป็นที่น่าเวทนาของผู้คน รอบข้างยิ่งนัก ครู่หนึ่งก็มีฝ่ามืออันหยาบกร้านและเหี่ยวย่น มาตบที่ไหลของ ดำปันเบาๆ “หักห้ามใจซะบ้างเถอะดำปันเอ้ย! ยังไงๆ ทองมูลมันก็ไปสบายแล้ว” ดำปันค่อยๆ เงยหน้าที่อาบไปด้วยนํ้าตาขึ้นมาสบสายตากับชายชรา เรียก เสียงลันเครือ “พ่อ” เว้นระยะนิดนึงแล้วกล่าวว่าเมื่อคืนผมกับทองมูลยังอยู่ด้วยกันทั้งคืนเลยที่โรงพยาบาล”ชายชราเอ่ย ถามระคนตกใจ “อะไรนะ ลองพูดใหม่ซิ” แล้วดำปันก็เล่าเหตุการณ์นับแต่เจอ ทองมูลที่ทางเข้าหมู่บ้าน จนกระทั้งพาไปโรงพยาบาล พร้อมทั้งอาการอาลัย อาวรณ์ของทองมูล ชายชราได้ยินได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว รำพึงออกมาเบาๆ “โธ่! ทองมูลเอ้ย ตายแล้วยังเป็นห่วงผัวอีก ไม้ต้องเป็นห่วงนะทองมูล หลับให้ สบาย พ่อจะดูแลเค้าเอง” ชายชราค่อยๆ โน้มกายลงมา เรือยางภาษาอังกฤษ ประคองร่างบุตรชาย ให้ลุกขึ้นยืน จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาบุตรชาย” ลูกอย่าร้องไห้ไปเลย จะทำให้ ทองมูลเป็นห่วงเปล่าๆ ลูกจะต้องเข้มแข็งไว้” ดำปันสะอื้น ร้องไห้ ฮือ ฮือ ตลอด ชายชรารีบบอกลูกไปบอกลาทองมูลเป็นครั้งสุดท้ายเถอะลุเกเดี๋ยวเค้าจะปีดฝาโลงแล้ว”ดำปันก้าวเดินไปชิดกับขอบโลง ใช้มือทั้งสองข้างค่อยๆ ประคองใบหน้า ของเมียรัก ลูบไล้เล้นผมที่ปรกหน้าออก จ้องมองร่างเมียรักนิ่ง “ขอให้อีสุคตินะ ทองมูล ไม่ต้องเป็นห่วงพี่” แล้วก้มหน้าลงบรรจงจูบลาที่ใบหน้าของทองมูล อย่างนิ่มนวลเป็นครั้งสุดท้าย ค่อยๆ วางคืรษะนางลงอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ฝา โลงจะปิดลงดำปันนำถุงมือน้อยๆ ที่ทองมูลกักไว้สำหรับทารกน้อยวางไว้ข้าง กายทองมูลบอกเบาๆ “เอาไว้ให้ลูกใล่นะทองมูล”ว่านรางจืด แล้วก็กลั้นเก็บน้ำตาไว้ไม่ไหว ไหลพรั่งพรูออกมาอาบทั้งสองแก้ม จนกระทั้งฝาโลงปิดสนิทลงพระสวดอภิธรรมศพเส!จเรียบร้อยแล้วทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความเงียบสงัด อากาศอันเย็นเยือกทุกอย่างตกอยู่ในความมีดมิด และทำมกลางความมืดมิด และ เงียบสงัดนั้นทุกคนก็ต้องสะดุ้งตื่นจากหลับฝันเพราะปรากฏว่ามีเสียงหมาหอน เป็นระยะๆ พร้อมกับแว่วเสียงสะอื้น ซึ่งลอยมาตามลายลมที่พัดแผ่ว “ฮือ ฮือ ฮือ พี่ดำปัน...พี่ดำปัน” หลายๆ คนรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างทันที ไม่ผิดนักกับ ที่บ้านดำปันซึ่งเป็นที่ไว้ศพทองมูล ซึ่งมีคนเฝัาศพอยู่1ไม่กี่คนรวมทั้งดำปัน ซึ่ง ยังคงนั่งนิ่งอยู่หน้าศพ สายตาจ้องมองรูปถ่ายของเมียรักตาแทบไม่กะพริบ รอบๆบ้านของดำปันมืดสนิทมีเพียงแสงตะเกียงวับๆ แวบๆที่บ้าน ของดำปันเท่านั้น เรือยางสามที่นั่ง จนกลายเป็นความเงียงสงัดในที่สุด และท่ามกลางความเงียบสงัด ก็ปรากฏ เสิยงเห่าหอนของสุนัขรับกันเป็นทอดๆ ครู่หนึ่งสายลม ก็พัดเอื่อยๆ พร้อมกับ เสียงยาวเยือกเย็นเสียงหนึ่งร้องไห้คราครวญมาตามสายลม “ฮือ ฮือ ฮือ พี่ดำ ปัน พี'ดำปันมาหาทอง มู ลหน่อย”หลาย’ๆ คนมองหน้ากันเลิ่กลั่กสอบถามกันเบาๆ “เอ็งได้ยินเสียงอะไรหรอเปล่าว่ะ” อีกคนหนึ่งซึ่งหน้าตา ตื่นไม่แพ้กันตอบว่า “ได้ยินเหมือนเสียงร้องไห้ของอีทองมูล เรียกไอ้ดำปันว่ะ หรือว่าผีทองมูล” อีก คนหนึ่งก็เลยฟันโครมเข้าเต็มสีข้าง
เรือยาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น